น้ำยาหล่อเย็น
เมื่อเราพูดถึงการทำงานของเครื่องสูบน้ำดับเพลิงที่ขับด้วยเครื่องยนต์ แน่นอนว่าเครื่องยนต์ได้กำลังจากการเผาไหม้ และสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยคือ ความร้อน จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมอุณหภูมิโดยการใช้น้ำยาหล่อเย็นหรือคูลแลนท์ไปดึงความร้อนออก และนำความร้อนที่อยู่ในน้ำยาหล่อเย็นไประบายออกที่รังผึ้งหม้อน้ำ (Radiator) หรือ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat exchanger)
น้ำยาหล่อเย็นที่เหมาะสม จะประกอบด้วย Antifreeze ซึ่งมักจะใช้ Ethylene glycol หรือ Propylene glycol เป็นส่วนใหญ่ และผสมด้วยน้ำคุณภาพที่เหมาะสม และมี Additive ที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ โดยการผสมระหว่าง Antifreeze กับน้ำ จะเป็นสัดส่วนตามที่ผู้ผลิตแนะนำ แต่โดยส่วนใหญ่จะแนะนำที่ 50:50 เหตุผลที่ต้องใช้ Antifreeze ผสมคือ จะทำให้จุดเยือกแข็งในน้ำยาหล่อเย็นลดต่ำลง และสิ่งที่มักไม่ได้กล่าวถึงคือ จุดเดือดของน้ำยาหล่อเย็นจะสูงขึ้นด้วย ทำให้โอกาสที่น้ำยาหล่อเย็นเดือดกลายเป็นไอในเครื่องยนต์ที่ทำให้ขัดขวางการระบายความร้อนที่ทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ไม่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้นเมื่อบอกว่าประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงไม่มีโอกาสเกิดการเยือกแข็ง แล้ว Antifreeze ไม่มีความจำเป็น จึงเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
เครื่องยนต์เครื่องสูบน้ำดับเพลิงมีราคาสูง และต้องการความน่าเชื่อถือสูงเมื่อต้องการใช้งาน (Reliability) และเราต้องการยืดอายุการใช้งานให้มากที่สุด ดังน้ันเราจึงควรศึกษาคู่มือของผู้ผลิตว่าต้องการน้ำยาหล่อเย็นแบบใด และควรเลือกใช้น้ำยาหล่อเย็นที่ได้มาตรฐานตามที่ผู้ผลิตระบุ ใน NFPA 20 ข้อ 11.2.8.4 ก็ระบุชัดเจนว่าต้องใช้คูลแลนท์ตามที่ผู้ผลิตแนะนำ ในปัจจุบันมาตรฐาน ASTM D-6210 เป็นมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับเครื่องยนต์ และมักจะระบุเตือนไว้ชัดเจนว่าน้ำยาหล่อเย็นหรือคูลแลนท์สำหรับรถยนต์ทั่วไป ที่เป็นมาตรฐาน ASTM D-3306 หรือ ASTM D-4656 ไม่ควรนำมาใช้ เพราะมี Additive ที่ไม่เพียงพอสำหรับ Heavy-duty diesel engine และมักมีค่า Silicate สูงเกินไป
ทางเราเลือกใช้คูลแลนท์ Fleetguard ES Compleat Ethylene Glycol Premix 50:50 ที่ผสมมาให้พร้อมใช้งานด้วยสัดส่วนที่ถูกต้อง และได้ตามมาตรฐาน ASTM D-6210 หรือดีกว่าให้บริการกับลูกค้า เพราะราคาต่อลิตรก็ไม่ได้สูงไปกว่าคูลแลนท์ที่เราเปลี่ยนในศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานทั่วไป
There are no reviews yet.